Content on this page requires a newer version of Adobe Flash Player.

Get Adobe Flash player

ข่าวประชาสัมพันธ์
วันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปีเป็น วันปิยมหาราช ถือเป็นวันสำคัญของชาติและรัฐบาลได้กำหนดให้เป็นวันหยุดราชการด้วย เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
23 ตุลาคม 2564

วันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปีเป็น วันปิยมหาราช ถือเป็นวันสำคัญของชาติและรัฐบาลได้กำหนดให้เป็นวันหยุดราชการด้วย เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5  พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณทั้งในการปกครองบ้านเมืองและพระราชทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่า ประชาชนชาวไทยจึงพร้อมใจกันถวายพระราชสมัญญานามพระองค์ว่า สมเด็จพระปิยมหาราช” ที่มีความหมายว่า พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน” กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนรำลึกถึงที่มาและความสำคัญของ วันปิยมหาราช พร้อมย้อนรำลึกพระราชประวัติของพระองค์ 1. รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชสมภพในปี พ.ศ.2396 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) กับสมเด็จพระเทพศิรินทราพระบรมราชินี พระองค์ทรงได้รับการศึกษาขั้นแรก จากสำนักพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุตรี โดยทรงศึกษาด้านวิชาการและโบราณราชประเพณีต่างๆ หลังจากนั้น พระบรมชนกนาถทรงจ้างครูชาวต่างประเทศโดยตรง ให้มาสอนภาษาอังกฤษ เนื่องจากทรงเห็นว่าต่อไปในอนาคตจะจำเป็นอย่างมาก และพระบรมชนกนาถทรงฝึกสอนวิชาการในด้านต่างๆ อาทิ วิชารัฐศาสตร์ด้วยพระองค์เองด้วย 2. เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ในพระชนมายุเพียง 16 พรรษา หลังจากที่รัชกาลที่ 4 เสด็จสวรรคต พระองค์ก็เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 5 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ มีการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411 ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในขณะนั้นพระองค์ทรงมีพระชนมายุเพียง 16 พรรษา ขุนนางผู้ใหญ่จึงแต่งตั้งเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ระหว่างนั้นพระองค์ได้เสด็จประพาสต่างประเทศ เพื่อทอดพระเนตรการบริหารบ้านเมืองและวิทยาการสมัยใหม่จากประเทศแถบยุโรป เพื่อนำมาปรับใช้ในการพัฒนาประเทศ 3. พระราชกรณียกิจที่สำคัญในรัชกาลที่ 5 หลายคนคงทราบแล้วว่าพระราชกรณียกิจที่สำคัญอย่างยิ่งของพระองค์ ก็คือ การเลิกทาส ตั้งแต่พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ ด้วยทรงไม่ต้องการให้มีการกดขี่เหยียดหยามคนไทยด้วยกันเอง และทรงเห็นว่าการมีทาสเป็นสิ่งที่ล้าสมัย ไม่เหมาะกับประเทศที่เจริญแล้ว โดยในปี พ.ศ. 2416 พระองค์ได้ทรงตราพระราชบัญญัติทาส ห้ามคนที่เกิดในรัชกาลปัจจุบันเป็นทาส ด้านการทหารและการปกครองประเทศ : ทรงนำแบบอย่างทางทหารของประเทศแถบยุโรปมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย มีการจัดตั้งกรมเสนาธิการทหารบกขึ้นเป็นครั้งแรก และทรงตั้งโรงเรียนนายร้อยทหารบกและทหารเรือ ตลอดจนส่งพระราชโอรสไปศึกษาวิชาการทหารในทวีปยุโรป ด้านการปกครองประเทศ : ทรงให้ตราระเบียบการปกครองขึ้นใหม่ แยกหน่วยราชการออกเป็นกรมกองต่างๆ จากเดิมมี 6 กระทรวง และได้เพิ่มอีก 4 กระทรวง ในส่วนภูมิภาคทรงให้จัดตั้ง มณฑลเทศาภิบาล ขึ้นเป็นครั้งแรก อยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย ด้านเศรษฐกิจและการคลัง : ทรงให้มีการจัดทำงบประมาณแผ่นดินขึ้น โดยทรงให้แยกเงินแผ่นดินและเงินส่วนพระองค์ออกจากกัน และทรงให้จัดตั้งธนาคารขึ้นเป็นครั้งแรก คือ แบงก์สยามกัมมาจล หรือธนาคารไทยพาณิชย์ในปัจจุบัน ด้านการศึกษา : ทรงให้ตั้งโรงเรียนหลวงแห่งแรกขึ้นในพระบรมมหาราชวังจัดการเรียนการสอน แล้วขยายออกไปทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพื่อให้ทั่วถึงประชาชน ทำให้การศึกษาของไทยได้รับการพัฒนา ด้านการต่างประเทศ : พระองค์ได้เห็นถึงความสำคัญของการเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ ในรัชสมัยของพระองค์จึงมีการส่งเอกอัครราชทูตไปประจำในต่างประเทศเป็นครั้งแรก และพระองค์ยังทรงเสด็จประพาสประเทศต่างๆ เพื่อนำวิทยาการสมัยใหม่มาพัฒนาประเทศ ด้านการคมนาคมและสาธารณูปโภค : ทรงให้สร้างถนนขึ้นหลายสายและทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างสะพานข้ามคลองและทางรถไฟหลายแห่ง อาทิ สะพานเฉลิมสวรรค์เฉลิมศรี ทางรถไฟสายกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ เป็นต้น ด้านสาธารณูปโภค : ทรงมีพระราชดำริว่าประชาชนควรมีน้ำสะอาดเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค พระองค์จึงทรงให้ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการทำน้ำประปาขึ้น นอกจากนี้ พระองค์ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อเป็นค่าก่อสร้างโรงพยาบาลวังหลัง (ซึ่งปัจจุบันคือโรงพยาบาลศิริราช) เพื่อเป็นสถานที่สำหรับรักษาประชาชนที่เจ็บป่วย 4. รู้จักสถาปัตยกรรมงดงาม สมัย ร.5 พระที่นั่งอนันตสมาคม : สร้างขึ้นในสมัยของรัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2451) เป็นท้องพระโรงเดิมของพระราชวังดุสิต ชื่อพระที่นั่งนี้นำมาจากพระที่นั่งองค์หนึ่งในพระบรมมหาราชวัง ใช้เวลาสร้าง 8 ปี เป็นอาคารทรงยุโรปล้วน และเป็นพระที่นั่งหินอ่อนเพียงองค์เดียวในประเทศไทย ก่อสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวจากเมืองคาร์รารา ประเทศอิตาลี มีแรงบันดาลใจมาจากโดมของวิหารเซนต์ปีเตอร์ แห่งนครรัฐวาติกัน พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท : เป็นพระที่นั่งในหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2419 ตั้งอยู่ระหว่างพระมหามณเฑียรกับพระมหาปราสาท ประกอบด้วยปราสาท 3 องค์ ทอดตัวจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก การออกแบบผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมไทยกับสถาปัตยกรรมยุโรป เป็นที่มาของชื่อ ฝรั่งสวมชฎา พระราชวังพญาไท : รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าให้สร้างขึ้น พร้อมกับพระราชทานนามให้ว่า พระตำหนักพญาไท (ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นพระราชวังพญาไท) สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่เสด็จทอดพระเนตรการทำนา การปลูกผักและการเลี้ยงสัตว์ และใช้เป็นตำหนักเป็นที่ประทับ รวมถึงพื้นที่ด้านตรงข้ามกับพระตำหนัก ใช้เพื่อประกอบพระราชพิธีแรกนาขวัญในยุคสมัยนั้นด้วย (อ่านต่อ : วันปิยมหาราช ชวนรู้จักสถาปัตยกรรมงดงามจากสมัย ร.5) ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- อ้างอิง : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม, พระที่นั่งอนันตสมาคม, พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท, พระราชวังพญาไท ที่มาภาพ : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม

(ข่าวสารจาก facebook)

นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้สมัครงาน

(Applicant Privacy Notice)

       บริษัท เอ.พี.เค.เฟอร์นิชิ่งพาราวู้ด จำกัด และบริษัทในเครือ APK GROUP (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัทฯ”) ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562  ดังนั้นเพื่อให้บริษัทฯ สามารถ เก็บ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผยให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562  บริษัทฯ ใคร่ขอความยินยอมจากผู้สมัครงานในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการเก็บ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผย โดยมีรายละเอียดดังนี้   ทั้งนี้ผู้สมัครงานรับทราบว่าหนังสือแสดงความยินยอมฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของใบสมัครงาน

ข้อ 1.  วัตถุประสงค์การเก็บ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

       บริษัทฯ มีการเก็บ รวบรวม ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

       1. เพื่อใช้ในการดำเนินการตามกระบวนการสรรหาของบริษัทฯ

       2. เพื่อการพิจารณาคุณสมบัติและทักษะของท่านว่าเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นหรือไม่

       3. เพื่อประโยชน์ในการติดต่อ สื่อสารเพื่อการนัดหมายสัมภาษณ์งาน การส่งข่าวสารที่เกี่ยวกับตำแหน่งงาน

       4. เพื่อใช้ประกอบในการอ้างอิงการยืนยันตัวตนของผู้สมัครและความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือข้อมูลอื่นๆ ที่ผู้สมัครงานได้ให้ไว้แก่บริษัทฯ

       5. เพื่อแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลและ/หรือข้อมูลอื่นๆ ของผู้สมัครงานไปยังบริษัท เอพีเคเฟอร์นิชิ่งพาราวู้ด จำกัด  และ/หรือบริษัทในเครือ APK GROUP

       6. เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายต่างๆ เช่น กฎหมายแรงงาน กฎหมายภาษีอากร และกฎหมายหรือกฎ ระเบียบใดๆ ที่มีผลบังคับใช้กับบริษัทฯ

       ทั้งนี้ หากภายหลังบริษัทฯได้มีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บ รวบรวม ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯจะแจ้งให้ท่านทราบและขอความยินยอมก่อนการเก็บ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผย ทั้งนี้ บริษัทฯได้กำหนดให้มีการบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐานด้วย

 

ข้อ 2. ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งบริษัทฯ ได้เก็บ รวมรวม ใช้หรือเปิดเผย มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

      1.ชื่อ-นามสกุล ชื่อเล่น เพศ ภาพถ่าย วัน เดือน ปี เกิด

      2.Resume Curriculum Vitae (CV) จดหมายนำ ประสบการณ์ทำงาน และข้อมูลด้านการศึกษา

      3.ข้อมูลในการติดต่อกับผู้สมัครงาน เช่น ที่อยู่ ที่อยู่ของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail address) หมายเลขโทรศัพท์  เป็นต้น

      4.ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหรือใบอนุญาตอื่นๆ ที่เกี่ยวกับงาน ใบอนุญาตหรือประกาศนียบัตรที่มีอยู่

      5.ข้อมูล IP Address หรือข้อมูลที่เก็บรวบรวมผ่านคุ๊กกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีที่คล้ายกัน

      6.ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่น เช่น ผู้ติดต่อกรณีฉุกเฉิน บุคคลอ้างอิง ผู้รับผลประโยชน์ รายละเอียดหรือเอกสารเกี่ยวกับคู่สมรส  บุตร บิดามารดา พี่น้องร่วมบิดามารดา รายชื่อเครือญาติของท่าน ซึ่งรวมถึงเบอร์โทรศัพท์/โทรศัพท์มือถือของบุคคลดังกล่าว เป็นต้น ทั้งนี้ในการให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่สามแก่บริษัทฯ ท่านรับรองและรับประกันว่าท่านมีอำนาจในการกระทำดังกล่าวและอนุญาตให้บริษัทฯ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามคำประกาศฉบับนี้  นอกจากนี้ท่านยังมีหน้าที่ในการแจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบถึงคำประกาศฉบับนี้และ/หรือขอความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้น

      7.ข้อมูลที่รวบรวมจากผู้สมัครงาน เช่น ข้อมูลที่ผู้สมัครงานแจ้งแก่บริษัทฯ ในระหว่างการสัมภาษณ์งาน ข้อมูลของผู้สมัครงานในการทำแบบทดสอบต่างๆ ข้อมูลของผู้สมัครงานที่บริษัทฯ ได้บันทึกภาพและ/หรือเสียงในระหว่างการทำกิจกรรมเพื่อกระบวนการสรรหาของบริษัท ฯ  เป็นต้น

 

ข้อ 3. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

       บริษัทฯจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลา 2 ปี นับแต่สิ้นสุดขั้นตอนการสัมภาษณ์รอบสุดท้ายของท่าน เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้

       1.กรณีที่ผู้สมัครงานผ่านการคัดเลือกเข้าทำงานเป็นผู้สมัครงานของบริษัทฯ บริษัทฯ จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปในระยะที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ

      2.กรณีมีเหตุจำเป็นตามคำร้องขอจากเจ้าของข้อมูล, คำสั่งจากหน่วยงานของรัฐ, คำสั่งศาล

      3.บริษัทฯ จะจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บ รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

 

ข้อ 4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

       บริษัทฯ จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อบุคคลใดโดยปราศจากการอนุญาตจากเจ้าของข้อมูล อย่างไรก็ดี เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์การเก็บ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผยตามที่ระบุไว้ข้างต้นผู้สมัครงานรับทราบและยินยอมว่าบริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลให้กับบุคคลอื่น ดังต่อไปนี้

       1.บริษัท เอ.พี.เค.เฟอร์นิชิ่งพาราวู้ด และ/หรือบริษัทในเครือ APK GROUP

       2.บุคคลหรือองค์กรที่บริษัทฯ ได้ว่าจ้างให้ดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการองค์กรของบริษัทฯ เช่น ผู้ให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศผู้ให้บริการวิเคราะห์ ข้อมูล สถิติ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์การออกแบบ เป็นต้น

       3.บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เช่น การเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลคุ้มครองสวัสดิภาพแรงงาน รวมถึงในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย เช่น การร้องขอข้อมูลเพื่อการฟ้องร้องหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย การบังคับคดี เป็นต้น

  ทั้งนี้บริษัทฯ จะดำเนินการให้บุคคลหรือองค์กรเหล่านั้นมีมาตราการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด และอยู่บนพื้นฐานการรู้เท่าที่จำเป็นอย่างเคร่งครัดเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญา

 

ข้อ 5.    สิทธิของผู้สมัครงานในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้สมัครงานในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิดังนี้

       1.ขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ตนไม่ได้ให้ความยินยอม

       2.แจ้งให้บริษัทฯดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

       3.คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน ที่กฎหมายอนุญาตให้เก็บได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล เมื่อใดก็ได้

       4.ขอให้บริษัทฯ ดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีตามที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่มีการร้องขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลจากระบบนั้น ข้อมูลดังกล่าวอาจจะยังคงได้รับการบันทึกหรือทำสำเนาไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือระบบสำรอง (Backup System) ของบริษัทฯ เพื่อป้องกันการเข้าสู่ระบบภายหลังโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือเพื่อเป็นการสำรองข้อมูลในกรณีที่เกิดความผิดพลาด บกพร่อง หรือเกิดจากความขัดข้องของระบบ หรือในกรณีที่เกิดจากการกระทำใดๆ ที่มีจุดประสงค์มุ่งร้ายของบุคคลหรือซอฟต์แวร์อื่น

       1.ขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีตามที่กฎหมายกำหนด

       2.ถอนความยินยอมเสียเมื่อใดก็ได้

       3.ร้องเรียนในกรณีที่บริษัท ฯ หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทฯ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

       อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มีสิทธิปฏิเสธสิทธิของผู้สมัครงานในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ข้างต้นโดยอาศัยเหตุตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในภายหน้า หรือกฎหมายอื่นได้อนุญาตไว้

 

ข้อ 6. ผลของการถอนความยินยอม

          ความยินยอมที่ผู้สมัครงานให้ไว้เพื่อเก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้นจะยังคงมีผลบังคับใช้จนกว่าผู้สมัครงานจะได้บอกถอนความยินยอมเป็นหนังสือแจ้งต่อบริษัทฯ

          เมื่อบริษัทฯได้รับแจ้งความประสงค์ของผู้สมัครงานตามที่ระบุไว้ในข้อ 5. แล้ว บริษัทฯจะดำเนินการตรวจสอบและแจ้งผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการร้องขอของผู้สมัครงาน (ถ้ามี)   โดยจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นตามคำขอภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับการแจ้งเป็นหนังสือตามแบบฟอร์มที่บริษัทฯ กำหนดจากผู้สมัครงาน

           การเพิกถอนความยินยอมของผู้สมัครงาน จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่ผู้สมัครงานได้ให้ความยินยอมไปแล้วก่อนหน้านั้น

 

ข้อ 7. คุกกี้ (Cookies)

            เว็บไซต์ของบริษัท อาจใช้คุกกี้ในบางกรณี คุกกี้ คือไฟล์ข้อมูลขนาดเล็กที่จัดเก็บข้อมูลซึ่งแลกเปลี่ยนระหว่างคอมพิวเตอร์ของท่านและเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทใช้คุกกี้เฉพาะเพื่อการจัดเก็บข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่านในครั้งถัดไปที่ท่านกลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท 

        เมื่อท่านเข้าใช้บริการเว็บบราวเซอร์ ท่านสามารถตั้งค่าเพื่อ ยอมรับคุกกี้ทั้งหมดหรือปฏิเสธคุกกี้ทั้งหมด หรือแจ้งเตือนให้ท่านทราบเมื่อมีการส่งคุกกี้ โดยท่านสามารถเข้าไปตั้งค่าที่เมนู “ความช่วยเหลือ” ในบราวเซอร์ของท่านเพื่อเรียนรู้วิธีการเปลี่ยนแปลงการใช้คุกกี้ของท่านได้  โปรดทราบว่าการปิดการใช้งานคุกกี้อาจส่งผลต่อการใช้งานบางบริการของท่านได้ 

 

ข้อ 8.   ช่องทางติดต่อ

       ผู้สมัครงานสามารถติดต่อแผนกทรัพยากรมนุษย์ หรือ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้ตามช่องทาง ดังต่อไปนี้

 

อีเมล์  kanya.b@apkgroup.co.th

ไปรษณีย์หรือส่งด้วยตนเองส่งถึง :  แผนกทรัพยากรมนุษย์  หัวหน้าส่วนงานสรรหาและอบรม หรือ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ที่อยู่ :   บริษัท เอ.พี.เค.เฟอร์นิชิ่งพาราวู้ด จำกัด เลขที่ 508 หมู่ 4 ถนนสนามบิน-บ้านกลาง ตำบลควนลัง อำเภอ                หาดใหญ่  จังหวัดสงขลา  90110

ข้าพเจ้าได้รับทราบนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ในการเก็บ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าตามขอบวัตถุประสงค์ ดังที่ได้อธิบายไว้ข้างต้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วและขอให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ ดังต่อไปนี้

ข้าพเจ้าให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้เปิดเผยและโอนซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าตามรายละเอียดที่ระบุไว้ในหนังสือแสดงความยินยอมฉบับนี้